Last updated: 27 ก.ค. 2563 | 1264 จำนวนผู้เข้าชม |
“จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามในเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/20 นัดที่ 38 นัดสุดท้ายของฤดูกาล พบกับทีม “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมีโควต้าตั๋วฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นเดิมพัน
เกมนี้ถือเป็นการเปิดตัวนัดแรกของเสื้อแข่งชุดใหม่ทีมเหย้าฤดูกาลหน้ารุ่นพิเศษ THAILAND SMILES WITH YOU ที่เพิ่งมีการเปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
เลสเตอร์ อยู่ในอันดับที่ 5 ของตารางคะแนน มี 62 คะแนนจาก 37 นัด ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่อันดับที่ 3 มี 63 คะแนนจาก 37 นัดเท่ากัน
เกมนี้หากเลสเตอร์ เอาชนะ แมนฯ ยูฯ ได้จะคว้าตั๋วไปเล่นศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกทันที แต่หากทำได้แค่เสมอ ต้องลุ้นผลอีกคู่ ให้วูล์ฟส์ เอาชนะเชลซีให้ได้
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้มาร์ค อัลไบรท์ตัน กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง แต่ยังไม่มี เบน ชิลเวลล์ และ เจมส์ แมดดิสัน ที่ยังเจ็บ ในขณะที่ ชากลาร์ โซยุนชู ติดโทษแบนเป็นนัดที่ 3
การจัดทัพ บีร็อด จัดในระบบ 3-5-2 ปรับทีมจากเกมนัดที่พ่ายสเปอร์ส โดยดร็อบ ไรอัน เบนเน็ตต์ กลับไปเป็นตัวสำรอง ใช้เจมส์ จัสติน ยืนเซ็นเตอร์แบ็กตัวที่สาม ใช้มาร์ค อัลไบรท์ตัน เป็นวิงแบ็กฝั่งขวา ให้ ฮัมซ่า เชาฮ์ดรี้ ลงมาช่วยไล่บอลตรงกลาง กับ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ และ ยูริ ติเลอม็องส์ และส่ง เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ลงมาเป็นกองหน้าคู่กับ เจมี่ วาร์ดี้
รายชื่อผู้เล่น : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล,เจมส์ จัสติน,เวส มอร์แกน,จอนนี่ อีแวนส์,มาร์ค อัลไบรท์ตัน,ยูริ ติเลอม็องส์,วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้,ฮัมซ่า เชาฮ์ดรี้,ลุค โธมัส,เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ และ เจมี่ วาร์ดี้
ช่วงต้นเกมทีมเยือนปิศาจแดงครองบอลได้ดีกว่าเล็กน้อย เป็นเลสเตอร์ ที่อาศัยจังหวะโต้กลับ และ เพียงนาทีที่ 9 แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็โดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกมเมื่อไปอัดใส่ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่
น.11 ทีมเยือนมีโอกาสเข้าทำจาก เมสัน กรีนวู้ด ที่ขึ้นโขกลูกโยนของมาร์คัส แรชฟอร์ด แต่บอลข้ามคานออกไป
น.14 จากจังหวะจ่ายบอลพลาดของ เนมานย่า มาติช เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ฉกบอลมาจ่ายต่อให้ ติเลอม็องส์ ไหลให้ เอ็นดิดี้ ซัดจากนอกกรอบเขตโทษ บอลข้ามคาน
น.25 เจมส์ จัสติน ตัดบอลได้ จ่ายต่อให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ลากบอลโต้กลับมา แล้วยิงด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษแต่บอลแป้กโดน ดาบิด เดเคอา เซฟเอาไว้ได้จังหวะแรก จังหวะที่เจมี่ วาร์ดี้ เข้าไปซ้ำก็ล้ำหน้าไปแล้ว
น.32 ปอล ป็อกบา หยอดให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส พักอกแล้วส่งบอลเข้าประตูไปแต่ ผู้ตัดสินเป่าล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
น.33 เลสเตอร์ โต้กลับได้สวย เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ พาบอลหนีตัวประกบแล้ว ไหลต่อให้ ยูริ ติเลอม็องส์ แต่บอลเบาไหลออกข้างเสาไป
น.40 ลุค โธมัส ได้เปิดบอลจากริมเส้น ฝั่งซ้ายให้ เจมี่ วาร์ดี้ เข้าชาร์จ แต่บอลไม่ตรงกรอบ
น.41 เจมส์ จัสติน กะจังหวะบอลพลาดบอลตกในเขตโทษ มาร์คัส แรชฟอร์ด เก็บบอลได้แล้วยิงทันที แต่หลุดกรอบไปไกล
ช่วงทดเจ็บในครี่งแรก อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ได้ยิงเต็ม ๆ แต่ไปแฉลบกองหลังออกไป จากลูกเตะมุม มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงจากเสาแรกเต็มข้อแต่ก็ยังไปติดเซฟ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
จบครึ่งแรกยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันไป 0-0
เริ่มครึ่งหลังเกมยังคงสูสีกัน น.59 เจมี่ วาร์ดี้ ได้โขกเช็ดบอลเปิด จาก ติเลอม็องส์ บอลไปชนสามเหลี่ยมออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
ถัดมาแค่นาทีเดียว เลสเตอร์ ได้โอกาสอีกครั้ง เจมี่ วาร์ดี้ ไหลบอลต่อให้ ลุค โธมัส ยิงไปติดบล็อกออกหลังไปได้ลุ้น
น.63 วิคตอร์ ลินเดลอฟ ไปอัดเจมี่ วาร์ดี้ โดนใบเหลืองไปเป็นคนที่สองของเกม
น.69 ฮัมซ่า เชาฮ์ดรี้ มาพลาดเสียบอลหน้าเขตโทษ ทำให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล พาบอลเข้าเขตโทษ จากนั้น จอนนี่ อีแวนส์ และ เวส มอร์แกน ไปรวบทำฟาวล์ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ผู้ตัดสินมาร์ติน แอ็ตกินสัน เป่าเป็นจุดโทษทันที บรูโน่ แฟร์นันด์ส รับหน้าที่สังหารไม่พลาด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมานำแล้ว 1-0
น.72 เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เปลี่ยนทีเดียวสามคนรวด เอา เดนนิส ปราท,ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ และ เดมาราย เกรย์ ลงมาเล่นแทน ฮัมซ่า เชาฮ์ดรี้,มาร์ค อัลไบรท์ตัน และ ยูริ ติเลอม็องส์
น.75 จากจังหวะลุยของ เกรย์ หลุดถึงเส้นหลังแล้วปาดเข้ากลางให้ วาร์ดี้ ไขว้ บอลตกหน้าประตู ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ตวัดยิงด้วยซ้ายบอลเบาไปเข้ามือ ดาบิด เดเคอา
น.78 จังหวะต่อบอลทางซ้าย โธมัส ได้เปิดเข้ากลาง สวย แต่ เวส มอร์แกน วอลเล่ย์ ด้วยซ้ายไม่โดนบอล
น.83 จังหวะโต้กลับของเลสเตอร์ เดนนิส ปราททำได้สวย จ่ายต่อให้ เดมาราย เกรย์ ลากตัดเข้าในยิงด้วยซ้ายแล้วบอลแฉลบแม็กไกวร์ ออกหลังแต่ผู้ตัดสินไม่เห็น
น.87 เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ส่งไพ่ใบสุดท้าย จอร์จ เฮิร์สท์ กองหน้าดาวรุ่งลงมาเล่นแทน ลุค โธมัส
น.90+4 เลสเตอร์ ต้องมาเหลือผู้เล่นสิบคน จากจังหวะที่ จอนนี่ อีแวนส์ ไปเปิดปุ่มใส่ สก็อต แม็คโทมิเนย์ ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอ็ตกินสัน ควักใบแดงให้ อีแวนส์ ไปอาบน้ำก่อนเพื่อน
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 8 แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ก็ไปพลาดเสียบอลให้ เจสซี่ ลินการ์ด ฉกบอลเข้าไปยิงประตูเป็นประตูฝัง 2-0 และจบเกมไปด้วยสกอร์นี้
จบเกมพรีเมียร์ลีก ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ พ่าย “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2
เลสเตอร์ มี 62 คะแนนจาก 38 นัด จบอันดับที่ 5 ของตารางคะแนน จะได้ไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบแบ่งกลุ่มในฤดูกาลหน้าต่อไป
ในขณะที่ เจมี่ วาร์ดี้ ยิงไป 23 ประตู คว้ารางวัลดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก
ขอบคุณภาพและบทความจาก www.lcfcthai.com